หัวใจบอกว่า…ถึงเวลาเดินทาง
วันที่ฝนกำลังหลั่งหยดน้ำอย่างบ้าระห่ำจนอึ่งอ่างและเขียดยังไม่กล้าส่งเสียงแข่ง ผมซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม กดเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปๆมาๆ พลางฮั่มเพลง สองหมื่น ของแสตมป์เบาๆในลำคอ “อยู่ที่เราจะใช้เวลาที่มี อยู่บนโลกนี้กันยังไง เพื่อให้กับตัวเองคนเดียวทุกวัน หรือจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างไหม เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป” ร้องมาถึงท่อนนี้ สายตาต้องหยุดชะงักอยู่กับหน้าFacebook ที่มีการเปิดรับสมัครครูอาสาในโครงการครูบ้านนอกรุ่น 156 มันตรงกับช่วงหยุดยาวสงกานต์พอดีนี่ ไม่ถึงนาทีผมตัดสินใจ กดโทรศัพท์โทรหา”ครูจะเด็จ” ยังไม่ทันที่ปลายสายจะกล่าวทักทาย ฮัลโหล พี่ ค่าย 156 ผมไปด้วยนะ ปลายสายพูดมาสั้นๆแค่ ครับ แล้ววันรุ่งขึ้นผมก็มานั่งกับครูจะเด็จที่ร้านข้าวมันไก่ที่ บขส.ใหม่เชียงราย ในร้านข้าวมันไก่ มีหลายคนที่แต่งตัวมาเหมือนไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาเป็น”ครูดอย” เรากล่าวคำทักทาย สวัสดี ทั้งรู้จักและกำลังจะรู้จักระหว่างรอคณะครูที่กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพ เมืองที่ขอบตึกอยู่ใกล้กว่าขอบฟ้า และคงเป็นเมืองที่มีคนเหงามากกว่าเสาไฟฟ้านั้น เดินทางมาถึง บทสนทนาทักทาย แนะนำตัวก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ถึงสิบนาทีก็กลายเป็นเพื่อนกัน เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งหมดเดินทางมาถึงและยังไม่ถึง รถสองแถวสีฟ้าเข้มก็เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้า บขส. ก่อนที่สี่ล้อจะค่อยๆเคลื่อนพาเราออกไปยังจุดหมาย ณ กระจกเงา ผมจำไม่ได้ว่าเคยมาที่นี่กี่ครั้ง แต่จำได้ว่า ทุกครั้งที่มา เหมือนเวลาจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อรถเคลื่อนผ่านจนสุดทางคอนกรีต มีพี่คนหนึ่งพูดว่า “ยินดีต้อนรับสู่กระจกเงาครับ” คำพูดนี้ ฟังดูอบอุ่นชะมัด เหมือนการได้กลับมาอยู่บ้านอีกหลังที่ห่างหายไปนาน […]