IMG_0388.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่12 “ความสุขของ…” (ตอนจบ)

“ความ สุข ของ …” ความสุขจริงๆของชีวิต เหมือนบางครั้งเราจะรู้ว่าความสุขคืออะไร เหมือนบางครั้งเราสามารถพูดออกมาว่าสิ่งนี้แหละคือความสุข ความสุขของใครต่อใครมันมากมายไม่เหมือนกัน สุดที่ใครจะพอใจกับสิ่งไหน ความสุขของบางคนได้กล่าวขึ้นหลังจากที่รู้สึก แต่ความสุขของคนบางคนอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ยังไม่ลงมือทำ วันแรกที่ฉันได้เริ่มเดินทาง การเจอเพื่อนในค่ายคนแรก การได้ก้าวขาขึ้นรถคนเดียว การได้เดินทางโดยที่สองข้างทางฉันไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน การนอนหลับในที่ที่ไม่คุ้น การเข้าห้องน้ำห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่มันเคลื่อนที่ไปเคลื่อนที่มา การแวะพักกินข้าวระหว่างทางที่ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าที่นี่คือจังหวัดอะไร อำเภออะไร แต่เรื่องราวเหล่านี้สามารถทำให้ฉัน…..ยิ้มได้ วันที่สองที่ฉันได้เดินทางไปถึงยังจุดหมายการที่ฉันได้เจอกับคนที่ไม่รู้จัก การได้พบกับทีมงานครั้งแรก การได้ร่วมกินข้าวกับใครต่อใครมากมายที่เรายังไม่รู้นิสัยใจคอกัน การเจอเมนูพิสดารสำหรับฉันนั่นก็คือเมนูผัก การเจอเส้นทางของถนนที่ขรุขระ การที่ต้องออกไปแนะนำตัวเองแล้วต้องมีท่าทางประกอบ การออกไปแสดงละครให้ทุกๆคนดู การได้ทำอะไรต่อมิอะไรที่ฉันเองยังไม่เคยทำ แม้บางครั้งจะรู้สึกว่า เราจะทำได้หรือไม่นั้น มันกลับสร้างความสุขขึ้นมาแทนความเครียดของฉัน ฉันคิดว่าการที่ฉันไม่ได้แตะมือถือตลอดสามวันสามคืน มันทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจมาก การไม่ได้รับข่าวสาร การไม่ได้ติดต่อใคร การไม่ได้เห็นเรื่องราวของใครบางคนมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนไม่รู้จักใครเหล่านั้นเลย แต่บางครั้งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าทางบ้านจะกังวลหรือเปล่า จะเป็นห่วงมากไหม จะโทรหาฉันบ้างหรือป่าว เพราะพ่อเป็นคนที่หวงฉันมาก ขนาดท่านรู้ว่าขึ้นเขามามันไม่สามารถติดต่อได้เลยนั้น แต่ฉันถึงกับตกใจเมื่อฉันลงจากดอย มือถือเริ่มมีสัญญาณ มิสคอลเข้าเกือบเป็นร้อยๆข้อความ พอเปิดดูก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นของพ่อกันแม่ทั้งนั้น 555 ขนาดไลน์และเฟชบุ๊คพ่อกับแม่ยังส่งหาฉัน ทั้งๆที่ท่านก็รู้ว่าฉันไม่สามารถอ่านได้ แต่เรื่องราวเหล่านี้มันกลับทำให้ฉันแอบขำคนเดียว และยิ้มมีความสุขขณะนั่งรถออกมาจากหมู่บ้าน เพราะทำให้ฉันรู้ว่า ไม่มีผู้ชายและผู้หญิงคนไหนในโลกรักเราและเป็นห่วงเรามากขนาดนี้  นาทีนั้นมันทำให้ฉันว๊าปเข้าไปในความคิดเมื่อคร่าหนึ่งอีกครั้ง ครั้งที่ฉันดื้อดันจะไปเรียนที่ปัตตานีให้จนได้ หากวันนั้นฉันได้ไปเรียนจริงๆ […]

C360_2015-04-23-10-33-49-230.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่11 “ณ วันหนึ่ง”

๑๑.“ณ วันหนึ่ง” กาลครั้งหนึ่ง การที่เด็กคนหนึ่งซึ่งไม่ได้มีฐานะดีไปกว่าการใช้ชีวิตให้พอเพียง ตัดสินใจแบกกระเป๋าเดินทางฝ่าความหวังต่างๆขึ้นไปบนที่ที่หนึ่ง ซึ่งสูงมาก เดินก้าวไปในทางที่ยังไม่รู้ว่าจะพบกับอะไร จนสุดท้ายปลายทางก็ได้เป็นบทพิสูจน์ว่า สิ่งนี้มันไม่ยาก ถ้ามีการลงมือครั้งแรก ฉันเชื่อมั่นในความรู้สึกของฉันว่า วันแรกของค่าย และวันสุดท้ายของที่นี่มันช่างแตกต่างกันลิบลับ การที่ฉันไม่รู้อะไรในตอนต้น จนได้เรียนรู้มาเรื่อยๆในระดับกลาง จนถึงช่วงสุดท้าย มันกลับทำให้ฉันได้เข้าใจว่าแม้จะสิ้นสุด แต่ชีวิตยังคงดำเนินต่อ ฉันแบกกระเป๋าขึ้นหลังกระบะของรถทีมงานที่มารอรับเราเพื่อที่จะพาเราลงเขาทางหลังหมูบ้าน เดี่ยวนะมีทางที่รถสามารถขึ้นมาได้ด้วย งั้นแสดงว่าวันแรกเราโดนทีมงานหลอกให้เดินขึ้นเขากันเหรอเนี่ยะ 555 อย่าเรียกว่าโดนหลอกเลย ต้องขอบคุณทางทีมงานมากกว่า ที่สอนให้เราได้รู้จักคำว่าลำบาก แม้จะมองว่าเป็นเรื่องลำบาก แต่สำหรับฉันเป็นอะไรที่ท้าทาย และสนุกมาก บางครั้งเราก็ไม่ได้ต้องการความสบายเสมอไป ทุกๆคนได้แต่กล่าวคำล่ำลากัน ต่างก็โบกไม้โบกมือ รีบเก็บภาพถ่ายกันจนวินาทีสุดท้าย ส่วนตัวฉันนะเหรอ รีบเดินขึ้นรถไปตั้งนานแล้ว ฉันไม่มีแม้แต่กระทั้งคำพูดว่าลาก่อน ฉันไม่มีแม้กระทั้งจะมองหันหลังกลับไปสบตาใคร สิ่งเดียวที่ฉันทำในตอนนั้นเป็นครั้งสุดท้ายคือ การมองหน้าเด็กน้อยนะโจและการมองไปรอบๆหมู่บ้านแค่แว๊บหนึ่ง วันนี้นะโจเงียบจนสังเกตได้ ไม่เข้ามาเล่นด้วย เหมือนจะรู้แล้วว่าฉันจะต้องกลับบ้าน ฉันมองหน้าเด็กน้อย แต่เด็กน้อยไม่มองตอบ ฉันไม่มีแม้แต่คำพูดสุดท้าย อาจจะดูเหมือนโหดร้ายสำหรับใครบางคน แต่จริงๆแล้วฉันเป็นคนเดียวที่รู้ความรู้สึกของฉันดี แม้ภายนอกจะดูว่าฉันสดใส ร่าเริง แต่จริงๆฉันเป็นคนที่อ่อนต่อความรู้สึกในบางครั้ง ฉันรู้ดีว่าถ้าหากฉันพูดอะไรออกไป น้ำตาของฉันจะต้องไหลออกมาแน่ๆ สิ่งเดียวที่ฉันยังคงทำได้คือการยิ้ม ยิ้มให้ทุกๆคนได้เห็น ว่าฉันมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ ยิ้มเพื่อเป็นการสั่งลาหมู่บ้านแห่งนี้ […]

1459649097680.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่10 “แสงแห่งการจากลา”

๑๐.“แสงแห่งการจากลา” ดวงอาทิตย์-พระจันทร์ สายฝน เมฆ หมอก ดวงดาว เป็นสิ่งที่ต้อนรับพวกเราชาวค่ายตั้งแต่วันที่ขึ้นมาอยู่บนเขาลูกนี้  โดยเฉพาะสายฝนให้การต้อนรับเป็นอย่างดีกว่าใครๆ ทุกๆเช้าฝนมักจะโปรยลงมาต้อนรับเราเสมอ ฉันถามน้าผู้ชายว่า ฉัน: “น้าคะปกติที่นี่ฝนตกบ่อยไหมคะ” น้าผู้ชาย: ยิ้มเล็กๆ “ปกติแดดจะออกครับครู ฝนตกตั้งแต่วันที่ครูมากันนะครับ” ฉันคิดว่านี่พวกเราคงจะพาฝนมาจากกรุงเทพกันละสินะ ช่างดีเหลือเกิน ฝนมาต้อนรับกันถึงที่นี่ ตั้งแต่ฉันมาอยู่บนนี้ น้อยมากที่ฉันจะเห็นแดดส่องแบบจ้าๆ ส่วนใหญ่เห็นแต่เม็ดฝนเล็กๆที่โปรยลงมาตอนเช้าๆ และก็ฝนลูกโตๆที่ชอบตกลงมาตอนที่พวกเรากำลังลงมือทำงานกัน   แต่ละคืน ฉันได้แต่แหงนมองขึ้นบนท้องฟ้า ในคืนแรกกลับเจอแต่ฟ้ามืดดำ เวิ้งว้างไม่เห็นอะไรสักนิด  มืดสนิทแม้กระทั้งรอบๆตัวฉัน   เมฆหนาๆ ในตอนเช้าที่ดูเหมือนจะเป็นตัวอะไรสักอย่าง ที่เรามักจะจินตนาการไปเรื่อยๆเมื่อนั่งมอง ฟ้าเพลินๆ แต่เมฆตอนนี้สีไม่ค่อยจะสดใสสักเท่าไหร่ ดูยังไงก็หม่นๆ มืดๆ ใช่แล้ว ฝน กำลังตั้งเค้ามาอีกแล้ว  เมื่อกี้ยังสว่างอยู่เลย ตอนนี้ก็รีบหามุมยืนหลบฝนให้เร็วเลย คืนที่สอง ดีขึ้นมาหน่อยที่ตกดึกคืนนี้ ท้องฟ้าเริ่มมีดาวให้เห็น เหมือนกับมีเพชรเปล่งแสงยังไงยังงั้น มองแล้วก็รู้สึก สดชื่นขึ้นมาหน่อย สำหรับฉันแค่การได้นั่งมองดาวถือว่าเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่มาก ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ ทุกๆครั้งที่ฉันมองดาว ฉันรู้สึกเหมือนดาวกำลังบอกอะไรกับฉัน และทำให้ฉันยิ้มได้โดยไม่ต้องมีบทสนทนาอะไรเลย แต่บางครั้งดวงดาวก็เล่นตลก […]

DSC_3675.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่9 “รอยยิ้ม จากแม่แฮง”

๙.รอยยิ้ม จาก แม่แฮง “สิ่งมีค่า ที่ตีมูลค่า ราคา ไม่ได้” เคยคิดไหมว่ามีสิ่งมีค่ายิ่งกว่า เงิน ทอง เคยคิดไหมว่ามีสิ่งหายากยิ่งกว่า เพชร นิล จินดา เคยคิดไหมว่าชีวิตจะมีความสุขจากสิ่งอื่นมากกว่า การเที่ยวเตร่ไปเรื่อยๆ การกินนอนอย่างสบายไปแต่ละวัน …… ฉันก้าวเหยียบที่นี่ในวันแรก วันนั้นยังจำได้ดี สิ่งที่ทำให้ฉันยิ้ม  สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกหายเหนื่อย สิ่งที่ทำให้ฉันต้องหลงใหลราวกับถูกมนต์สะกด ณ หมู่บ้านแห่งนี้ คือ รอยยิ้มแรก จากคุณยายท่านหนึ่ง ที่เดินสวนทางกันตรงทางขึ้นหมู่บ้าน การที่ฉันได้ใช้ชีวิตที่นี่เป็นเวลาไม่กี่คืน เมื่อเท้าฉันมันย้ำไปสัมผัสที่ไหนสักแห่งของหมู่บ้าน สิ่งเดียวที่ฉันได้พบก็คือ “ทรัพย์” ที่ฉันไม่สามารถตีค่าเป็นเงินบาทได้ ทรัพย์ที่ฉันไม่รู้ว่าหากฉันลงจากดอยแห่งนี้ไป ฉันจะหาซื้อที่ไหนได้อีกบ้าง ชาวบ้านทุกๆคนทักทายด้วยการ มอบรอยยิ้มให้ฉัน คนรับอย่างฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย เพราะฉันรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจจริงๆ ได้เห็นรอยยิ้มจากชาวบ้านว่ามีความสุขแล้ว การได้ลงมือทำอะไรให้เด็กๆ แล้วได้สิ่งตอบแทนกลับมาเป็นรอยยิ้มนั้น มันช่างมีความสุขมากที่สุด การได้เห็นยิ้มจากเด็กๆ การได้ยินเสียงหัวเราะจากเด็กๆที่นี่มันทำให้ฉันรู้สึกแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะรอยยิ้มที่ฉันกำลังยืนมองดู เป็นรอยยิ้มที่มาจากการให้ของฉันและทุกๆคน ให้ในสิ่งที่พวกเราเองไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้ในสิ่งที่พวกเราอยากจะมอบให้แก่เขาเหล่านี้ เมื่อกวาดสายตาไปทั่วๆห้องเรียนห้องหนึ่ง มองดูและจดจ่องหน้าของชาวค่ายที่ต่างก็ก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงานในสิ่งที่ตัวเองได้รับมอบหมายแล้ว ฉันภาคภูมิใจมาก ที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ […]

DSC_3803.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่8 “ล่อง หน”

  ๘.“ล่อง หน” อาหารหายไปไหน (กันนะ) ทุกๆวันฉันมักจะเข้าครัวทำกับข้าวเอง และมีนะโจกับพี่สาวคอยเป็นลูกมือ ช่วยหยิบจับ หันโน้นนี่ไปเรื่อยๆ และดีตรงที่เราสามคนมีเวลานั่งพูดคุย หยอกล้อกันในเวลาทำกับข้าว ทุกๆวันแม่ของนะโจจะหุงข้าวตั้งไว้ให้พวกเราหนึ่งหม้อ และเป็นเรื่องที่ดีที่น้าเขาหุงข้าวไว้ให้ ไม่  งั้นฉันกับพี่สาวคงจะได้กินข้าวดิบแน่ๆ หรือไม่ก็อาจจะทำไฟไหม้บ้านเพราะนั่งหุงข้าวกับเตาฟืนนี่หละ  ข้าวที่นี่เหนียว นุ่ม อร่อยมากๆเลย   วันนี้ฉันทอดปลาเค็มที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ และผัดผักกระหล่ำปลีกับหมู  ฉันเป็นคนปรุงอาหาร  ทุกอย่าง ฉันได้แต่หวังว่าแต่ละมื้อจะไม่ทำให้ใครต้องท้องเสีย 5555   น้าผู้ชาย: “หวัดดีครับครูครับ กินข้าวกันหรือยัง”   ฉัน: “ยังเลยคะ กำลังทำอยู่เลย น้ากินรึยังคะ” น้าผู้ชาย: “ยังเลยครับ บ้านผมกำลังทำอยู่เหมือนกัน เลยขึ้นมาดูบ้านครูว่าทำอะไรกินกันหรือยัง” ฉัน: “น้าคะคนที่นี่เขากินอาหารรสชาติยังไงเหรอคะ” น้าผู้ชาย:  “เขาชอบกินเค็มๆ เผ็ดๆครับครู ถ้าหวานๆเขาไม่ชอบหรอกครับ ที่บ้านเกือบทุกหลังเขาจะไม่ค่อยซื้อน้ำตาลไว้กันครับ” ฉัน: “ออ ว่าทำไม ฉันหาน้ำตาลมาหลายวัน ไม่มี ขอบคุณมากเลยคะ” กับข้าวทุกอย่างเสร็จพร้อมตักลงจาน กลิ่นปลาเค็มแตะจมูกตั้งแต่ลงทอดในกระทะ และ […]

DSC_0276.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่6

๖.“   Signal….” ตัดขาดสัญญาณ หลายๆคนพยายามหาสัญญาณโทรศัพท์  หลายๆคนพยายามติดต่อกับคนในโลกภายนอก……. หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งคืนที่นี่ ตอนเช้าฉันรีบตื่นตั้งแต่ใกล้ๆจะหกโมง ตั้งใจลุกขึ้นมาดูหมอก ฉันคิดในใจเดี่ยวเดินเปิดประตูออกไปหมอกต้องเยอะแน่เลย ปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่คิด เปิดประตูมา ฝนโปรยดอกเล็กๆแต่เช้ามืดเลย และฉันก็คิดว่าคงจะตกทั้งวัน ฉันเลยหันหลังกลับไปหยิบอุปกรณ์ เสื้อผ้า เพื่อที่จะลงไปอาบน้ำ จะได้รีบมาทำมื้อเช้า ดูเหมือนวันนี้ฉันจะตื่นก่อนชาวค่ายคนอื่นๆ เพราะตื่นมาก็เงียบมาก และที่สำคัญเจ้าของบ้านของบ้านฉันหายไปอีกแล้ว คนที่นี้ออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด วันนี้อากาศหนาวมาก บวกกับน้ำที่นี้ต่อท่อมาจากลำธาร ทำให้หนาวเพิ่มยกกำลังสองกันเลยทีเดียว ขนาดเปิดก๊อกแปรงฟันนะ ปากฉันนี่ชาไปพักหนึ่งเลย ปกติฉันเป็นคนที่เคร่งเรื่องการใช้น้ำมาก ฉันไม่ได้คุณฉันหรืออะไรเลย แต่ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆจนติดเป็นนิสัย น้ำที่จะเข้าปากฉันต้องเป็นน้ำที่ซื้อมาและน้ำที่ฉันไม่รู้ว่ามันมาจากไหนเท่านั้น เพราะไม่งั้นฉันจะคิดมาก ขนาดน้ำฝนที่บ้านตัวเองฉันก็ยังไม่ค่อยกล้าอมสักเท่าไหร่ ประมาณว่าฉันกลัวมีตัวอะไรอยู่ในน้ำ ที่เราไม่สามารถมองเห็น แอบคล้ายคนโรคจิตนะว่าไหม ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ฉันชะงักไป จะทำยังไงดี ฉันเงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็เริ่มคิดว่า ใช้ไปเหอะถ้าเรื่องมากแล้วจะมาที่นี่ทำไม คนที่นี่เขาก็ใช้ได้ ใช้กันมานาน คนอื่นๆที่มาค่ายเขาก็ใช้ได้ จะคิดอะไรมาก ฉันก็เลยเปิดก๊อกเพื่อแปรงฟัน สุดท้ายมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เสร็จจากธุระในห้องน้ำผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฉันเดินขึ้นบ้านก็ยังไม่เห็นใครเลย ฉันเลยนั่งจัดของใกล้ๆกระเป๋า ทำไงก็ได้ให้เสียงเบาสุดเพราะพี่สาวยังไม่ตื่นเลย บังเอิญไอ้นาฬิกาปลุกที่ฉันตั้งไว้มันดันปลุก ฉันก็ลืมปิดเพราะฉันตื่นก่อนเวลา พี่สาวเลยรู้สึกตัว 555 […]

12596086_953353348075274_1015952558_n.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่5

๕.“แกะ ดำ”   รูปพรรณ สัณฐาน   ฉันหยุดหายใจตรงทางเดินเข้าหมู่บ้าน ซึ่งทุกๆคนก็หยุดถ่ายรูปตรงนี้และพักหายเหนื่อย มีชาวบ้าน  คนหนึ่งเดินแบกตะกร้าใส่ของสะพายหลังกำลังเดินลงไปด้านล่าง ดูจากการแต่งกายถ้าเดาไม่ผิดเหมือนจะไปทำสวน ถ้าดูจาก หน้าตาอายุก็คงจะเป็นยายฉันก็ว่าได้ พวกเราทักทายสวัสดีคุณยายด้วยความตื่นเต้น คุณยายก็หันมายิ้ม   ทักทาย พร้อมยืนชูสองนิ้วให้เราได้ถ่ายรูป     การเจอคุณยายเป็นคนแรกทำให้รู้เลยว่า เราทั้ง27ชีวิตจะคุยกับคนที่นี่ไม่รู้เรื่อง เพราะเขาพูดภาษา   มูเซอกัน เอาละแค่คิดก็สนุกแล้วสิ เส้นทางข้างหน้าที่จะเดินย่ำเข้าไปในหมู่บ้านจะเจออะไรนะ ……. ว๊าว!! บ้านที่นี้ทุกหลังทำด้วยไม้ไผ่ ต้นไผ่หนึ่งต้นสามารถนำมาตีให้เป็นซี่เล็กๆแล้วนำมาประกอบเป็นบ้าน ทุกหลังจะยกสูง ต้องเดินบันไดขึ้นไป ถ้าก้าวไม่ดีคุณอาจจะพลาดได้ และมีใต้ถุนที่เราสามารถยืนได้ มองดูรอบๆทุกๆบ้านจะมีรั้วล้อมรอบด้วยไม้ไผ่หมด แต่ ถ้าบ้านไหนที่ฐานะดีหน่อยเขาก็จะสร้างรั้วกับปูนซีเมนต์  แต่ก็มีไม่กี่หลัง ทีมงานนำทางพวกเราไปยังที่พักของผู้ใหญ่บ้านและที่พักของครูอัครเดช ครูอัครเดชเป็นครูประจำหุบเขาลูกนี้ ฉันชักอยากจะเจอแล้วสิ เมื่อไปถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้านพวกเราต่างก็ทักทาย ยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ทางผู้ใหญ่บ้านก็ต้อนรับเราเป็นอย่างดี ก่อนที่ทีมงานจะปล่อยครูทุกคนไปตามบ้านก็ได้ชี้แจงกันเล็กน้อย ถึงเรื่องต่างๆและเรื่องเวลา สถานที่ ที่เราจะต้องนัดเจอกันในตอนเย็นเพื่อนทำกิจกรรมกลางคืนในวันแรกร่วมกับชาวบ้านที่นี่ ก่อนมาค่ายเราต่างก็รู้กันดีว่าในแต่ละมื้อเราจะต้องประกอบอาหารกินกันเองกับพ่อๆ แม่ๆที่บ้านที่เราต้องไปอยู่ ทีมงานเตรียมอาหารแห้ง หมู ผัก เครื่องปรุงต่างๆมาให้ แจกให้บ้านละหนึ่งชุด พี่สาวที่พักบ้านเดียวกับฉันเอ่ยปากถามฉันว่า พี่สาว: […]

DSC_0003RE.jpg

เรื่องเล่าครูบ้านนอกตอนที่3

๓.“บ้านนอกเข้ากรุง กรุงเข้าเมืองหนาว” สะพายเป้ เส้นทางไม่ใช่แค่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ปัญหาในตอนนี้ของฉันก็คือ ฉันต้องเดินทางคนเดียว อันดับแรกคือฉันต้องจองรถจากกรุงเทพไปยังเชียงใหม่ผ่านทางเว็บไซต์บริษัทรถทัวร์ ซึ่งฉันจะต้องไปลงที่จุดนัดพบที่สถานีขนส่งอำเภอฝาง ซึ่งเป็นที่ที่ฉันไม่เคยไป ไม่เคยรู้จักมาก่อน ฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันพยายามไล่หาเฟชบุ๊คจากรายชื่อผู้สมัครไปเรื่อยๆ แต่ยากจังไม่พบใครเลย จนฉันเข้าหน้าเว็บเพจกิจกรรมมูลนิธิ ฉันเจอผู้เข้าสมัครโครงการคนหนึ่ง จึงได้ทักทายพูดคุยว่าจะเดินทางยังไงได้บ้าง แล้วเดินทางวันไหน โชคดีที่พี่เขาใจดี รับปากจะจองรถเผื่อฉัน พี่เขาเป็นผู้ชาย ในใจฉันก็กลัว แต่ฉันก็หมดหนทางแล้วจริงๆ ครั้งนี้ไม่ค่อยกล้าเดินทางคนเดียว เลยขอเสี่ยงไปกับพี่เขาแล้วกัน แต่ฉันก็คิดบวกมากในตอนนั้น ฉันคิดว่าคนที่เข้ามาสมัครโครงการนี้ เขาจะต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้แน่ๆ ฉันเลยบอกแม่ว่าฉันให้ใครจองรถ ไปยังไง พี่เขาเป็นใคร ในความที่พี่เขาอายุมากกว่าฉันเยอะเลย แม่เลยไม่ค่อยจะกังวลอะไรเท่าไหร่ การจองรถกรุงเทพ-ฝาง ก็ผ่านไปด้วยดี ทีนี้ฉันก็ต้องเตรียมสะพายเป้เข้าเมืองหลวงอีกรอบ กรุงเทพเป็นที่ที่ฉันคุ้นเคยดี เพราะช่วงปิดภาคเรียนฉันขึ้นไปทำกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยต่างๆบ่อยโดยเฉพาะคณะวิทย์ ของมหาวิยาลัยหนึ่งแถวพญาไท  ฉันเข้าออกเป็นว่าเล่น โดยอาศัยป้าเป็นคนขอแม่อีกเช่นเดิม ฉันไปไหนมาไหนได้ดีเยี่ยมเลยแหละในกรุงเทพ ไม่ว่าจะเป็นมุมไหน ซอกไหน ฉันสามารถนั่งรถไปได้ทุกที และต่อไปนี้ที่ฉันจะเล่ามันเป็นความจริงคือ ฉันไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ในบ้านตัวเอง ถ้าถามว่าที่นี่ที่ไหน ตรงนี้ไปยังไง ฉันไม่สามารถตอบได้ เพราะฉันไปไม่ถูกเลยสักที่ พูดง่ายๆว่าฉันหลงในจังหวัดตัวเอง 555 และไม่นานฉันก็จองรถจากบ้านฉันขึ้นกรุงเทพเพื่อไปปักหลักอยู่ที่นั้นสองสามวันก่อนจะเดินทางไปเชียงใหม่ ฉันมีความจริงจะบอกในทุกๆครั้งที่ฉันขึ้นรถไปกรุงเทพฉันมักจะน้ำตาซึมตอนที่พ่อแม่และน้องยืนโบกมือ อยู่ข้างนอกรถ […]

DSC_0276.jpg

ครูอาสาที่ราไวย์ จาก สัญจร 23

  “ ครูๆไปเล่นบอลกันครู” เสียงจากเด็กๆกลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งซุกซนอยู่ริมชายหาดบ้านราไวย์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมืองไทย    ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุริมชายทะเลอันดามัน เราหลายคนกำลังเดินชมวิวทิวทัดริมหาดราไวย์โดยมีเด็กๆในชุมชนวิ่งเล่นซุกซนอยู่เป็นกลุ่มๆในบริเวณใกล้ๆกัน โดยเด็กๆเหล่านั้นพยามชักชวนให้เราร่วมสนุกกับพวกเขาด้วย ทั้งๆที่เราก็เป็นแค่คนนอกที่เพิ่งเดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้ แต่เด็กๆก็ยินดีต้อนรับเราอย่างอบอุ่นและเรียกเราว่า “ครู” อย่างเต็มอกเต็มใจ   วันศุกร์ต้นเดือนเมษายน เดือนที่ขึ้นชื่อว่าร้อนที่สุดแห่งบ้านเมืองนี้ ได้มีคนจำนวนหนึ่งเดินทางจากหลากหลายสถานที่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มารวมตัวกันอยู่ที่ บ้านราไวย์ จังหวัดภูเก็ต เขาเหล่านั้นบางคนเคยรู้จักสนิทสนมกันมาก่อน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยรวมถึงอาจเป็นครั้งแรกของบางคนด้วยซ้ำที่ได้มาเยือนไข่มุกอันดามัน เขาทั้งหลายมุ่งหน้าสู่อันดามันในครั้งนี้ใช่เพื่อมาชมความงดงามของชายหาดหรือหมู่เกาะทั้งหลายเหล่าใด แต่คนเหล่านี้เดินทางมาด้วยเป้าหมายเดียวกัน เป้าหมายที่ใครหลายคนอาจไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ทำมันในครั้งหนึ่งของชีวิต นั่นคือการมาเป็นครูอาสา ในนามที่เรียกขานกันว่า “ครูบ้านนอก”   หลังจากการมาถึงภูเก็ตของเหล่าครูบ้านนอก ทุกคนก็ถูกนำมารวมกัน ณ ที่พักริมทะเลแห่งหนึ่งเพื่อแจ้งลำดับกิจกรรมและแบ่งกลุ่มครูอาสาตลอดถึงการรับประทานมื้อเที่ยงพร้อมๆกันก่อนเดินทางสู่หาดราไวย์ในยามบ่ายแก่ๆ เราออกเดินทางสู่หาดราไวย์กันด้วยรถส่วนตัวและรถโดยสารที่ทางทีมงานเหมากันไว้โดยมีครูอาสาโดยสารกันไปร่วมสามสิบชีวิต ในระหว่างเดินทางครูอาสาหลายคนก็เริ่มทำความรู้จักมักคุ้นกันตามอัธยาศัยและบางคนก็หันซ้ายแลขวาชมความเจริญของสองข้างทาง รวมทั้งหลายคนก็คงจะตื่นเต้นกับการที่จะได้เป็นครูครั้งแรกในชีวิต ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม    เมื่อมาถึงหาดราไวย์เราทุกคนก็ได้นั่งล้อมวงกันใต้ต้นมะขามริมหาดราไวย์เพื่อรับฟังข้อมูลพื้นฐานและปัญหาต่างๆของชุมชนจากเจ้าหน้าที่ผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ หลังจากนั้นเราทุกคนก็ถูกแบ่งเป็นกลุ่มๆเพื่อเข้าพักในที่พักซึ่งเป็นบ้านของพี่น้องชาวบ้านซึ่งเป็น ชาวเล๑ กลุ่มอูรักราโว้ย๒ ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่กันอย่างหนาแน่นในพื้นที่จำกัด โดยแต่ละบ้านจะมีครูอาสาเข้าพักบ้านละ ๒-๖ คน ตามแต่ขนาดของบ้านที่เข้าพัก โดยครูอาสาทุกคนที่เข้าไปอยู่ในบ้านก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีได้รับการดูแลดุจลูกหลาน    หลังจากนำข้าวของเสื้อผ้าเข้าสู่ที่พักและทำความรู้จักกับเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้วเราทุกคนก็เดินกลับมารวมกันที่ใต้ต้นมะขามซึ่งเปรียบดั่งศูนย์กลางของค่าย โดยที่จะมีการประชุมงาน ทานอาหาร นั่งพูดคุยหยอกล้อกัน […]

2.jpg

อุบัติทวิการณ์ชีวิตครูบ้านนอก

มูลนิธิกระจกเงา เป็นส่วนเติมเต็มของการศึกษาในพื้นที่ด้อยโอกาสและให้กับจิตอาสาด้วย เพราะการศึกษา คือ ‘บวร’ แปลว่า ความเจริญรุ่งเรื่อง ตามคำโบราณเป็นการย่อจากคำว่า ‘บ้าน วัด โรงเรียน’ กล่าวคือ การพัฒนาหรือสร้างคนจะเริ่มต้นที่บ้าน วัด และโรงเรียน มูลนิธิกระจกเงาเปรียบเสมือนทั้ง ‘บ้านกระจกเงา วัดกระจกเงา โรงเรียนกระจกเงา’ ที่จะขจัดความไม่เสมอภาคในโอกาส บ่มเพาะคุณธรรม และสร้างคุณภาพของการศึกษาให้ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา

Screen-Shot-2558-04-20-at-4.32.16-PM-1.jpg

จุดหมายปลายทางไม่สำคัญเท่า “ระหว่างทาง“

   สิ่งเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ จากครูบ้านนอก สู่เด็กๆ ที่รอคอยการหยิบยื่นความสุขมาให้ ยิ้มแรกที่เจอกับการเข็นรถที่ติดหล่มก่อนถึงโรงเรียน การเดินทางที่มีความมุ่งมั่นของครูบ้านนอกที่ต่างอาชีพ ต่างถิ่นเพื่อมอบความสุขให้เด็กๆ ณ หมู่บ้านแม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่   จากชีวิตที่สะดวกสบายของเมืองกรุงสู่ชนบทของครูบ้านนอก ดินแดนแห่งความสุขของคนในหมู่บ้าน ที่รอคอยการเข้าไปให้ความช่วยเหลือของทุกคน  โรงเรียนบนเนินสูงๆ บ้านแม่นาวาง รอยยิ้มจากเด็กที่เห็นครูบ้านนอกเดินทางมา เพื่อหวังการให้และมอบสิ่งดีๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน   การเดินทางไปเป็นครูอาสาครั้งแรกของอิ๋วกับท๊อป เป็นความตื่นเต้นแบบบรรยายไม่ถูกกันเลยทีเดียว   วันแรกของการเริ่มต้น วันแรกของการเดินทางบนเส้นทางแห่งการให้ มุ่งหวังเพื่อเห็นความสุขของเด็กๆ    การพบเจอกันครั้งแรกของครูบ้านนอกคงจะเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่ดี เมื่อการเดินทางสู่หมู่บ้าน เส้นทางที่แสนจะลำบากต่อการเดิน จากเมืองกรุงสู่ดอยของเหล่าอาสาสมัครครูบ้านนอก   ครูได้นำดินสอ ยางลบ สมุดและสื่อการเรียนรู้มากมายเพื่อมอบให้เด็กๆ   เพื่อเป็นการเริ่มต้นเส้นทางแห่งการศึกษาของพวกเขา    วันที่สอง…เตรียมตัวสอน     กลิ่นหอมๆ ยามเช้าที่พี่สาวและแม่เจ้าของบ้านทำกับข้าวให้กิน ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ    บรรยากาศเช้าๆ ที่นี่อากาศดี  ทั้งครูและเด็กๆ เดินมาโรงเรียนตั้งแต่เช้าบนถนนที่แฉะและไม่เอื้อต่อการเดินทาง   ” รอยยิ้มแบบนี้สิที่ครูบ้านนอกต้องการ “ ความตื่นเต้นที่เห็นได้จากรอยยิ้มและแววตาที่ไร้เดียงสา   การเตรียมพร้อมกับการเรียนการสอน บรรยากาศสนุกสนาน […]