ครั้งหนึ่งที่ได้เป็น…ครูบนดอย…

ครั้งหนึ่งที่ได้เป็น…ครูบนดอย…

 การเดินทางที่มีเส้นทางยาวไกล
ได้สร้างมิตรภาพ ความสัมพันธ์ และความผูกพันระหว่างกันขึ้นมามากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพจากรายทางที่เราพบผ่าน
หรือมิตรภาพที่มาจากเพื่อนร่วมทางที่ก้าวเดินไปด้วยกัน

การเดินทางสู่ดินแดนแห่งขุนเขาที่แสนห่างไกลไร้สิ่งอำนวยความสะดวกในครั้งนี้ก็เช่นกัน..


การช่วยเหลือแบ่งปัน
เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นเล็กๆ
ที่ทำให้คนจำนวนหนึ่งได้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เดียวกัน
มีความตั้งใจอย่างเดียวกันคือเพื่อที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
โดยปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้อยู่ที่
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนชนัตถ์ปิยะอุย
สาขาบ้านห้วยกุ๊ก”
 ตั้งอยู่ในตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น
จังหวัดเชียงราย


การเดินทางสู่จังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งที่ไกลที่สุดสำหรับตัวเรา
ตัวเราเองก็ตื่นเต้นกับการเดินทางที่ยาวไกลครั้งนี้มาก ทั้งความมุ่งมั่น ระยะทาง
สถานที่ และการรอคอยที่รอมานานหลายเดือน
ทุกอย่างหลอมรวมกันจนทำให้เราอดคิดในใจไม่ได้ว่า
การเดินทางไปเป็นครูบนดอยในครั้งนี้มันจะต้องเป็นการเดินทางที่ดี
และมีเรื่องราวที่พิเศษมากๆ กำลังรอเราอยู่แน่ๆ


เวลา 11 ชั่วโมงบนรถทัวร์
ได้ร่นความห่างของระยะทางระหว่างกรุงเทพมหานครและเชียงรายให้สั้นลงเรื่อยๆ
ตามเวลาที่ลดลง
เวลาเกือบครึ่งหนึ่งเราใช้ไปกับการคิดถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า..
หลังจากที่ก้าวลงจากรถแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง
คนที่มีปลายทางเดียวกันกับเราจะเป็นอย่างไรกันนะ พวกเราจะเข้ากันได้ดีใช่ไหม เด็กๆ
บนดอยจะดื้อ และซนเท่าเด็กในเมืองหรือเปล่า… เหล่านี้คิอสิ่งที่เราคิดอยู่ในใจ


19 ชีวิตของครูอาสาในครั้งนี้
รวมครูจะเด็จและครูต้นซุงด้วยก็เป็น
21 ชีวิต
มาพร้อมกันแล้วในตัวเมืองเชียงราย และพร้อมที่จะมุ่งหน้าสู่โรงเรียนบนดอย
จากจุดนี้ไปถึงโรงเรียนเป็นระยะทางประมาณ
120 กิโลเมตร รถตู้1 คัน รถกระบะ 1 คันพร้อมลุย
ใช้เวลาการเดินทางประมาณ
2-3 ชั่วโมง
ผ่านไม่รู้กี่โค้งต่อกี่โค้ง
เลี้ยวหัวสะบัดจนไม่ได้หลับได้นอนก็มาถึงโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนชนัตถ์ปิยะอุย
ซึ่งตอนแรกคิดว่าที่นี่เป็นปลายทางของพวกเราแล้ว
 เฮ้ย โรงเรียนก็ดูดีนี่นา” (ภาพโรงเรียนที่วาดไว้ในใจก่อนมาพังลงคาตา) แต่จริงๆ
แล้วยังไม่ใช่ ที่นี่เป็นโรงเรียนแม่
โรงเรียนที่พวกเราจะไปสอนนั้นเป็นโรงเรียนสาขา ต้องขึ้นเขาไปอีกประมาณ
8 กิโลเมตร

 

เราพักกินข้าวกันที่นี่
เหล่าครูอาสาได้ทำความรู้จัก แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ พูดคุยกำหนดการ
ดูประวัติของโครงการ ประวัติของมูลนิธิ ร่วมทำกิจกรรมระหว่างกันเพื่อละลายพฤติกรรม
เพราะเราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน

การรวมตัวกันของคนหลายคน
ซึ่งต่างคนก็ต่างที่มา หลากหลายสาขาอาชีพ ย่อมมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน
ความต่างระหว่างบุคคลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องปรับจูนเข้าหากันเพื่อให้การร่วมทางในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและลุล่วงไปด้วยดี

บางคนมาที่นี่เพราะมาหาคำตอบบางอย่างให้กับตัวเอง
บางคนเพื่อนชวนก็เลยมาด้วย บางคนมาที่นี่เพื่ออยากช่วยเหลือ บางคนนอกจากจะได้ช่วยเหลือแล้วก็จะได้มาท่องเที่ยวด้วย
บางคนมาที่นี่เพราะมีบาดแผลในใจ ขาดแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต
หลายคนก็หลากเหตุผลที่มาที่นี่
แต่เหตุผลเดียวที่มีเหมือนกันก็คือปรารถนาที่จะช่วยเหลือเด็กๆ บนนั้น

 

 

ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงจึงออกเดินทางกันต่อ
ระหว่างนั้นก็ได้ทำการเปลี่ยนรถ ขนถ่ายสัมภาระทั้งหมดสู่กระบะ
3 คัน พร้อมลุย พร้อมที่จะขึ้นเขา สู่ปลายทางที่แท้จริงของพวกเรา

 

เส้นทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ระยะทางขึ้นเขา 8 กิโลเมตรนอกจากจะเป็นทางขึ้นแล้ว
เส้นทางก็ไม่ได้เรียบและราบเหมือนอย่างในเมือง นั่งรถหัวโยก หัวแดงกันถ้วนหน้า
ทิวเขาสลับกัน มีหมอกบางๆ ปกคลุม วิวข้างทางก็สวยงาม ซ้ายก็หน้าผา ขวาก็ภูเขา
แอบลุ้นเสียวๆ กันไป

 

 

…..

เรารับหน้าที่สอนนักเรียนชั้นป.2 สอนทุกวิชาที่นึกออก เด็กๆ ที่นี่
ใสๆ บริสุทธิ์ มีดื้อ มีซนบ้างไปตามวัย แต่ก็ไฮเปอร์กันสุดๆ เราเองไม่ได้จบครู
ไม่เคยยืนอยู่หน้าห้องทำการสอนเป็นวันๆ ไม่เคยพูดต่อหน้าให้เด็กๆ วัยนี้ฟัง
แต่พอมาได้ทำ เราพูดอะไร เด็กๆ ก็ตั้งใจฟัง สายตาทุกคู่จ้องมองมาที่เรา
เค้ามองเราในฐานะที่เราเป็น
 ครู” ของพวกเค้า มันทำให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า…อย่างน้อยก็ในสายตาเด็กๆ
เหล่านี้

เด็กๆ ชอบวาดรูป ระบายสี
บางคนวาดภาพได้สวยมาก จนได้ติดบอร์ดหน้าชั้นเรียน
เราเลยให้เค้าวาดรูปว่าโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร คำตอบที่ได้มามีหลากหลาย ทั้งครู ทหาร
ตำรวจ หมอ ฯลฯ เราก็บอกเด็กๆ ว่าให้ตั้งใจเรียนนะ ถ้าพวกฉันตั้งใจ
อนาคตที่พวกฉันวาดไว้มันก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
เราก็หวังไว้ว่าอนาคตของพวกเขามันต้องเป็นจริง

 

 

 

 เด็กๆ ที่นี่ยังอ่าน
และเขียนภาษาไทยไม่คล่อง
มันก็เป็นหน้าที่ของเหล่าครูอาสาที่จะต้องอัดภาษาไทยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจ
สำหรับเด็กบางคนอาจจะต้องใช้ความพยายามมากพอสมควร
แม้มันจะยากแต่เรานับถือความตั้งใจของพวกเขานะ มันสะท้อนกลับมาที่ตัวเราเองด้วยว่าเราเองก็ไม่ควรที่จะท้อเหมือนกัน
เพราะชีวิตของคนเรามันได้มีที่ดีที่สุดหรือที่แย่ที่สุดเพียงด้านเดียว
มันยังมีอีกหลายด้าน หลายมุมให้เราเลือกเดิน
สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่ก้บเราแล้วล่ะว่าเราจะเลือกทางเดินทางไหน

 

 
ทางขึ้นไปโรงเรียน
 

เข้าแถวเคารพธงชาติ


…..

ก่อนเดินทางมาที่นี่
เราคิดว่าระยะเวลา
3 คืน 4วัน มันเป็นระยะเวลาที่นานนะ เปรียบเทียบกับตอนทำงานแล้ว
กว่าจะผ่านไปได้แต่ละชั่วโมง แต่ละวัน มันดูนานมากๆ แต่พอได้มาพบ มาเห็น
มาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่นี่แล้ว เรารู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก
แต่ละชั่วโมง แต่ละวัน แต่ละคืนที่ผ่านไป
นี่ใช่ไหมที่เขาบอกกันว่าช่วงเวลาของความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ..


เรามาที่นี่ในฐานะ ครู” ในฐานะผู้ให้ก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีฐานะของการเป็น ผู้รับ” อยู่ด้วย บางทีอาจจะมีมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ได้เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวของเด็กๆ กิน นอนที่นั่น
ได้เรียนรู้วิถีชุมชน วิถีชนเผ่า วัฒนธรรม ประเพณี

ได้ทำอะไรหลายๆ
อย่างที่ไม่เคยได้ทำ ทั้งสอนหนังสือ ทำกับข้าว ขุดดิน วิ่งเล่นกลางหมอก
เห็นไอออกจากปากเวลาพูด ฟังเสียงสนทนาภาษาม้ง
แม้จะฟังไม่เข้าใจแต่ภาษาใบ้ก็ช่วยได้เยอะ

ได้ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ร่วมกับคณะครูบ้านนอก คณะครูประจำการ เด็กๆ และชาวบ้านในชุมชน ชมการแสดง
การเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ขอชนเผ่าม้ง ลอยโคม ณ ที่ๆ
ทุกคนคุ้นเคย…หน้าเสาธงโรงเรียน..

 

…..


คืนสุดท้ายก่อนจากลา…หลังจากที่เสร็จกิจกรรมที่หน้าเสาธงแล้ว
พวกเรา – คณะครูบ้านนอก ครูประจำการ หัวหน้าหมู่บ้าน
ก็ได้มาพูดคุยกันท่ามกลางอากาศที่หนาวพอสมควร มีลมเบาๆ
ลอยมาให้ตัวได้สั่นหนาวกันถ้วนหน้า
ที่ต้องคุยกันช่วงนี้เพราะวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทางแต่เช้า… พูดคุย
บอกเล่าถึงความประทับใจในตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่นี่…
บางคนสามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้ว บางคนมีความสุขอย่างตั้งใจ
บางคนได้พลังใจและแรงใจกลับไป แต่เหนือสิ่งอื่นใด
เราเชื่อว่าคำตอบที่ทุกคนมีอยู่ในใจที่เหมือนกันนั้นคืออะไร


ขอบคุณ..
ครูจะเด็จ ครูต้นซุง
ที่สร้างโครงการนี้ขึ้นมาให้เราได้เรียนรู้และค้นหมายความหมายบางอย่างที่ไม่เคยรู้

ครูแคน ครูเต้ ครูรุ้ง ครูก้อย (มศก) ครูตาล ครูเบล ครูเบิร์ด
ครูเอก ครูปุ๊กกี้ ครูเอ๋ย ครูโบ๊ท ครูแอน ครูปุ้ย ครูตฤณ ครูก้อย (มข) ครูแป้ง
ครูบอล และครูปีโป้ว์

ยินดีและดีใจที่ได้รู้จักกัน
อยากให้ครูทุกคนจำช่วงเวลาประทับใจที่มีร่วมกันนี้ไว้นะ วันเวลาเหล่านี้มีค่ามากสำหรับเราจริงๆ
เราจะไม่ลืมเลย

 

ขอบคุณเด็กๆ ทุกคนที่บ้านห้วยกุ๊ก
ขอบคุณ..สำหรับรอยยิ้มและความสดใสที่มีให้
ขอบคุณ..สำหรับพลังใจและแรงบันดาลใจที่ได้รับ
ขอบคุณ..ที่ทำให้..เข้าใจความหมายของคำว่า “ครู” ได้มากยิ่งขึ้น

 
 …..
ปล.อยากเขียนให้ได้ยาวๆ
และเรื่องราวละเอียดมากกว่านี้ ขอเวลาสักพัก(ใหญ่ๆ) ไปเรียบเรียง
ทบทวนความทรงจำก่อนเน้อ
 
 
 
 

โดย ครูบี (ครูบ้านนอกรุ่น 140 บ้านห้วยกุ๊ก:)))

Leave a Reply

scroll to top