วันแม่ แม่มอญ ย้อนความ ทรงจำ

8 สิงหาคม 2557

ขณะที่ผมมองไปที่ นาฬิกาสีขาวที่แขวนอยู่ริมพนังห้อง เข็มนาฬิกาได้เดินอย่างสม่ำเสมอตามปกติ หน้าที่ของมัน แต่ทว่าวันนี้ผม     กลับรู้สึกว่าเข็มนาฬิกาทั้ง 3 นั้น มันดูขี้เกียจเสียเหลือเกิน
16.30 เวลาเลิกงานของผมก็มาถึงผมรีบเก็บข้าวของแล้วควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับมาที่ห้อง จัดแจงเก็บเสื้อผ้า สัมภาระใส่กระเป๋าเดินทางสีเขียวใบเก่าที่เดินทางร่วมกันมาช้านาน หลังจากที่ผมได้จัดกระเป๋า อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ผมรีบออกเดินทางจากห้องของผมนั้น ตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง นั่งรถไฟฟ้าไปยังปลายทาง “หมอชิต” เพื่อให้ทันขึ้นรถเวลา 19.40 น. แต่ทว่า การเดินทางแสนยาวนานในครั้งนี้ บวกกับสภาพของรถไฟฟ้าเองที่ติดๆดับๆ ทำให้ผมมาถึงสถานีหมอชิตก็ปาเข้าไป 19.30 แล้ว และแน่นอน ผมไปไม่ทัน ผมตกรถต้องนั่งรอที่ขนส่งหมอชิต จนกระทั่งพนักงานหารถรอบใหม่ จนกระทั่งผมสามารถเดินทางต่อไปได้ตอน 20.40 น.

 

2ตุ๊กตุ๊กเชียงราย

9 สิงหาคม 2557

9.00 รถทัวร์ของผมมาถึง บขส. เชียงราย ผมไดรู้จักกับพี่วัช ผู้ที่เดินทางมาถึง บขส. ช้าพอๆกัน เรานั่งคุยกันสักพัก เพื่อนๆที่เหลือ อาทิเช่น มิ้น กล้วย ปั้น องอาจ น้ำค้าง เพลง ก็มาสมทบและทางครูบ้านนอกก็นำรถสองแถวมารับพวกเรา “ชุดตกค้าง” ไปยังสำนักงานของ “ครูบ้านนอก” ในตัวเมืองเชียงราย
ที่สำนักงานผมได้รู้จักกับเพื่อนๆร่วมรุ่น 160 ประมาน 60 กว่าชีวิต และที่มา รวมไปถึงการทำงานของ “มูลนิธิกระจกเงา” ต่างๆมีการแบ่งกลุ่ม รวมไปถึงการแจ้งกำหนดการว่าเราจะทำการเดินเท้าเข้าไป ณ บ้านแม่มอญ ซึ่งห่างจากฝาย ประมาน 8 กิโลเมตรได้
หลังจากการตระเตรียมสิ่งของ หรือแม้กระทั่งตัวของครูบ้านนอก6เองเสร็จสิ้น การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น เราออกเดินทางตอนประมาน 11 โมง กับรถกะบะคันใหญ่หลายคัน เพื่อนำพวกเราไปส่ง ณ ฝาย ตรงทางขึ้นบ้านแม่มอญนั้นเอง…
พวกเรากระโดดลงจากรถ แบ่งกลุ่มออกเป็น 8 กลุ่ม ซึ่งการเดินทางนั้นจะเดินด้วยเท้าไปเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้าน ลำคลอง ทุ่งนาข้าว เด็กๆชาวบ้าน ไร่ข้าวโพด ไร่มัน ไร่ชา เซนเว่นดอย ซึ่งต่างจาก 7-11 ที่พวกเรารู้จัก มันคือร้านขายของชำ มีแทบจะทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ที่สำคัญระหว่างที่เดินทางเท้าอันแสนยาวไกลนี้ เราต้องไม่ลืมที่จะ เก็บ RC (Rally Code) เพื่อนำมาร้อยเรียงเป็นคำและประโยคด้วย
หลังจากที่เราเดินด้วยเท้าบ้าง ไม่ไหวก็ขึ้นรถบ้าง เวลาผ่านไป 3 ชั่งโมงเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง “บ้านแม่มอญ” หมู่บ้านเล็กๆที่หลบซ่อนอยู่ในดอยอันห่างไกล หลีกเร้นจากความวุ่นวายภายนอก เรานัดพบกัน ณ ที่ทำการสีชมพู จนกระทั่งทุกคนมากันครบ มีการชี้แจงกำหนดการ เข้าบ้านไปพักอยู่กับเหล่านักเรียนของเราซึ่งนับๆดูได้ประมาณ 15 หลัง เราได้ของสดจากทางโครงการเพื่อไปประกอบอาหารกับทาง อาต๊ะ(พ่อ) อามะ(แม่) และเหล่าเด็กๆตัวแสบอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เจอาร์ กุล อาแผะ สาวผมสั้นจากการตัดทิ้งเพราะปัญหาเรื่องเหา
หลังจากที่พวกเราเข้าบ้าน+ทำอาหารกินกับทาง “เจ้าถิ่น” เรียบร้อยและ เราก็กลับมา ณ ที่ทำการอีกครั้ง เพื่อร่วมกิจกรรม ละลายพฤติกรรม กับทาง ครูสายลม ครูจะเด็ด ผู้จัดโครงการนี้ขึ้นมา กิจกรรมวันนี้เกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง จนผมแทบจะจำไม่ได้ แต่ทว่าทุกอย่างที่จัดขึ้นมานั้น มันก็เป็นไปเพื่อลดช่องว่างระหว่างกันและกันของเหล่าครูบ้านนอกผู้ต่างถิ่น ผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และแน่นอน ผลจากการทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมนั้น ทำให้พวกเราต่างรักและสนิทสนมกันได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สุดท้าย เวลาไม่ดึกมากนัก พวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายกันกับบ้านของตัวเอง ซึ่งผู้ร่วมหอลงโลงกับผมคราวนี้ ก็คือ พี่วัช หนุ่มจากโรงงานที่ชลบุรี ฮิมขี้เหล้านักเดินทาง เอ็มลูกชายร้านอาหาร…

10 สิงหาคม 2557

กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เสียงนาฬิกาปลุกของผมดังขึ้น ได้เวลาที่เราต้องไปสร้างห้องน้ำให้เด็กแล้ว พวกผมจัดแจงทำกับข้าว ทานมื้อเช้า และออกเดินเท้าไปยัง โรงเรียนบ้านแม่มอญวิทยา ที่ไกลออกไปกว่า 700 เมตร เดินผ่านหมู่บ้าน วิถีชีวิตผู้คนต่างๆ จนถึงโรงเรียนซึ่งมีเพื่อนๆส่วนหนึ่งได้ เริ่มทำกิจกรรมกับเหล่าเด็กๆกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ลมเพลมพัด มังกรทอง และอีกหลายๆกิจกรรมที่สับเปลี่ยนไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั้ง7เข้าช่วงสาย กิจกรรมหลักก็เริ่มเกิดขึ้น
เราแบ่งกันออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ สร้างห้องน้ำ สอนหนังสือ ปลูกป่า ซึ่งพวกเราล้วนแต่ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น สำหรับผู้ชายอบอุ่นอย่างผม คงหนีไม่พ้นการใช้แรงงานในการสร้างห้องน้ำให้กับเด็กๆ ซึ่ง ณ ตอนนี้ หนุ่มสาวจิตใจอาสาจำนวนมาก ก็ได้ลงกาย ลงแรงกันตั้งแต่ก่อปูน เทพื้น แบก แบก และ แบก ของต่างๆกันจนค่ำ เราได้กลับไปทำอาหารที่บ้านและออกมาร่วมกิจกรรมละลายพฤติกรรมต่างๆ แต่ในวันนี้ เป็นการเรียนรู้ที่จะรู้จักตัวตนของเราเอง ผ่านการเลือกวิธีการไปรับประทานอาหารมื้อกลางวัน
หลังจากกิจกรรมต่างๆเสร็จสิ้น การสังสรรค์ ก็เกิดขึ้น เราไปตามบ้านของเพื่อนๆผู้มาอาสา มีการสังสรรค์ด้วยกัน พูดคุยประวัติ ที่มาของแต่ละคนและที่สำคัญพระเอกของงาน คงไม่พ้น “เหล้าต้ม”

11 สิงหาคม 2557

เป็นอีกวันที่ต้องตื่นเช้าเช่นเคย สำหรับเหล่าครูอาสาวันนี้เป็นการดำเนินการทำภาระกิจต่างๆจากเมื่อวานให้แล้วเสร็จ ซึ่งแน่นอนงานหลักของเราคือ การสร้างห้องน้ำ กับ งานสอนหนังสือ และบางส่วนที่ไปปลูกป่าเมื่อวาน วันนี้พัฒนากลายเป็นการพัฒนาหมู่บ้าน ทำรางระบายน้ำลงสู่ตีนดอย ซึ่งผมได้ลองเปลี่ยนงานไปทำรางระบายน้ำบ้าง ได้ต่อแถวขนส่งถังปูนยาวร่วมร้อยกว่าเมตร ทำจนกระทั่งช่วงบ่ายแก่ๆ เราต้องรีบกลับไปเตรียมตัวเพื่อจะจัดงานวัดกัน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกสำหรับการจัดงานวัดของ “ครูบ้าน10นอก” เราแบ่งกันเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ โยนห่วง รำวง สอยดาว และพระเอกของงานคือ บ้านผีสิง
ก่อนหน้าที่กิจกรรมบันเทิงช่วงเย็นจะเกิดขึ้น ทางเราได้จัดกิจกรรมจุดเทียนชัยถวายพระพรกับเหล้าชาวบ้าน ชาวเขา ณ โรงเรียนบ้านแม่มอญ เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระราชินีฯ
หลังจากงานพิธีสิ้นสุดลง ความบันเทิงก็เริ่มต้นขึ้น พวกเราทั้ง 4 กลุ่ม ต่างก็จัดกิจกรรมของฐานตัวเองอย่างสนุกสนาน สอยดาว ณ ประตูบอล โยนห่วงคุณป้ารีฟิว รำวงจิ๊กโก๋จิ๊กกี๋ และบ้านผีสิง ที่หลอกแม้กระทั่งครูด้วยกันเอง ช่วงท้ายเมื่อหมดเวลา ทางครูบ้านนอกได้นำคลิ๊ปวิดีโอความยาว 17 นาที เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆมาเปิดให้กับทั้งเหล่าครู นักเรียน และชาวบ้านแม่มอญ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา กิจกรรมรื่นเริ่งต่างๆจบลง ลมหนาวก็เริ่มคืบคลานมาแทนที่ หลังจากเก็บอุปกรณ์ต่างๆเสร็จเรียบร้อย เหล่าครูบ้านนอกรุ่น 160 ก็รวมตัวป็นวงกลมหน้าเสาร์ธง จุดเทียน รวมไปถึงพูดคุย แลกเปลี่ยนแนวคิด ความรู้สึก และสรุปโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
หลังจากการสรุปงานอย่างเป็นทางการหมดลง การสังสรรค์ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งวันนี้ ฮิมพาพรรคพวกมาสังสรรค์กันที่บ้านของผมเอง รวมไปถึงอาต๊ะก็มาร่วมวงกันด้วย เราคุยกันหลายเรื่อง จนสุดท้ายก็เริ่มมีคนค่อยๆออกจากวงไปทีละคนสองคน จนคนสุดท้ายนอนตอนประมานตี 3 ได้

12 ส.ค. 2557

วันสุดท้ายสำหรับแม่มอญ วันนี้ไม่ต้องตื่นเช้าเหมือนวันก่อนๆ ผมลงมาทำกับข้าวให้เพื่อนร่วมบ้านกิน บางคนยังหลับไหลเพราะพิษสุรายังไม่ตื่น บางคนตื่นแต่เช้าเพื่อไปสานต่องานสร้างห้องน้ำให้เสร็จ ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปอย่างหงอยเหงา “วันนี้วันสุดท้ายแล้ว” ดังก้องอยู่ในความคิดของผมเอง11
หลังจากที่ผมจัดการทำธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย ได้มอบของที่ระลึกให้กับอาต๊ะเจ้าของบ้านที่ผมมาพักพิงตลอด4 วัน 3 คืนที่ผ่านมา และร่ำลาท่านเสร็จสรรพ ผมก็ออกเดินเท้ามา ณ โรงเรียนบ้านแม่มอญพบกับกลุ่มเพื่อนที่กำลังเตรียมตัวถ่ายรูปหมู่กันก่อนจบโครงการ เราถ่ายกันไปหลายรูป พอที่จะอัพขึ้นเฟสบุคเป็นเดือนๆเลยหละ หลังจากถ่ายเสร็จพวกเราก็ขึ้นรถกะบะออกเดินทางตามเส้นทางที่เราได้เคยเดินเท้ามากว่า 8 กิโล ออกไปแวะ 2 จุด คือ ไร่ของบุญรอด และวัดร่องขุ่น เราใช้วลาการเที่ยวอยู่วัดร่องขุ่น เป็นชั่วโมงๆ จนกระทั่งสุดท้ายครูบ้านนอกก็มาถึง บขส. เชียงราย
ส่วนใหญ่แล้ว เหล่าครูอาสาเดินทางกลับกันช่วงเย็น ยังพอมีเวลาเหลือ ส่วนใหญ่จึงเดินทางไปเที่ยวในตัวเมือง เช่น ม่วนใจ๋ เซนทรัล เป็นต้น สำหรับตัวผมแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเยือนเมืองนี้ หากไม่ได้สักการะ พ่อขุนเม็งรายก็เหมือนกับมาไม่ถึงผมกับพี่วัชจึงตัดสินใจไปสักการะท่านที่กลางเมือ
ผมมาไหว้สักการะท่าน ขอฝากเนื้อฝากตัว ถึงแม้ว่าผมกำลังจะกลับกรุงเทพฯ แล้วก็ตาม ขอให้ผมและเพื่อนๆทุกคนเดินทางกลับกันอย่างปลอดภัย และนอกจากนี้ผมยังขอพรท่านเรื่องงานอีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจเลยหละ ^_^
สุดท้ายหลังจากที่เราเดินทางมาร่วมโครงการเสร็จสิ้นลง ถึงเวลาที่ต้องจากลาผมกลับมาขึ้นรถที่ บขส. นั่งรถรอบเย็นกลับเข้ากรุงเทพฯ เมืองที่แสนจะวุ่นวาย รถของผมค่อยๆเคลื่อนออกจาก บขส. ช้าๆ ลาก่อนนะ เชียงราย…
ทุกครั้งที่ผมอยากจะฝาก หากคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ขอนำคำพูดของพี่คนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของผมในเรื่องของการเดินทาง ขอให้เพื่อนๆทุกคนคิดไว้เสมอว่า “การเดินทางทุกครั้ง ไม่มีความว่าเหมือนเดิม”

ภาพ /  เรื่อง:  Krichsak Sonchusheep (ครูต้น)

Leave a Reply

scroll to top