กี่ยอดดอยที่เหยียบย่ำมามันมีรอยเท้าเล็ก ๆ ของเด็กที่เปรียบเสมือนอนาคตของชาติ”
(ครูจุ่น โรงเรียนบ้านห้วยชมพู)
จาก คำพูดของครูดอยตัวจริงมันสร้างความรู้สึกสะเทือนใจ ให้ครูบ้านนอกได้ยิ่งนัก วันแรกของการเดินทางเพื่อตามหาความฝัน ตามหาการเรียนรู้ ตามหาประสบการณ์ของแต่ละคน ได้เริ่มขึ้นเมื่อสองเท้าย่างก้าวขึ้นรถที่มารอรับไปยังจุดหมาย ณ บ้านแม่สลักเย้า ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จ.เชียงราย ระยะทางลัดเลาะช่องเขา คดเคี้ยวไปมาทางเนินบ้าง เรียบบ้าง แล้วแต่ผู้สร้างทางจะออกแบบมา แม้ระยะทางจะยาวไกลแต่หาได้เป็นอุปสรรคในการเดินทางเพื่ออุดมการณ์ในครั้ง นี้ไม่ ถ้าคิดดูเล่น ๆ สำหรับครูหลาย ๆ คน มันออกจะแปลก เอะ! พื้นที่อำเภอเมือง มันจะสักเท่าไรเชียว แต่เมื่อทุกคนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองคำตอบที่ค้างคาใจก็กระจ่าง มันช่างเป็นอำเภอเมืองที่แสนจะทุระกันดารการเดินทางก็แสนจะทุลักทุเล
เช้า วันใหม่เป็นวันแห่งการ เรียนรู้การใช่ชีวิตของครูบ้านนอกตามแบบฉบับชาวบ้าน การเดินทางด้วยเท้าได้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนมุ่งหน้าไปยังจุดหมายคือน้ำตก ไม่ไกลหมู่บ้านนักหรอกเพียงแค่ 4-5 กิโลเอง เด็กเดินตัวปลิว วิ่งบ้างเดินบ้าง แต่ครูนี่สิ เดินบ้างลื่นบ้าง ล้มบ้าง มันช่างท้าทายเสียจริง “ครูทำไมเดินช้าจัง แล้วเมื่อไรจะถึง ผมเดินมาถึงตั้งนานแล้ว”เป็นคำพูดที่ครูได้ยินและยิ้มรับตลอดทาง การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางสารพัดรูปแบบ ขึ้นเขา ลุยน้ำ ข้ามกระโดด ทุกคนได้สัมผัสกันทั่วหน้า เมื่อถึงน้ำตกมันก็หายเหนื่อยสายน้ำที่ตกลงมาประกอบกับความเย็นของสายน้ำมัน ทำให้หายเหนื่อยได้ในฉับพลัน หลังจากนั้นก็เดินทางกลับหมู่บ้านซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งโดยไม่เดินซ้ำทางเดิม และไกลกว่าทางเดิมเสียอีก แต่มันได้อัถรสในอีกรูปแบบหนึ่งผ่านสวนส้มแต่ละสวนที่มันแข่งขันกันออก ผลผลิตให้เจ้าของมันน่าดีใจแทนยิ่งนัก เที่ยงแล้วแวะทานข้าวกันศาลาข้างทางทั้งครูและเด็กกินกันอย่างเมามัน มันอร่อยหรือมันหิวกันแน่หนอ อาหารทุกอย่างที่เตรียมมามันหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว พักผ่อนพอข้าวเรียงเม็ดออกเดินทางต่อจุดหมายคือหมู่บ้านนั้นเอง เดินเร็วบ้างช้าบ้างตามแต่กำลังและความฟิตของครูแต่ละคน แต่ความเร็วที่ไม่ลดเลย คือเด็ก ๆ นั้นเอง พลังพวกเขาช่างล้นเหลือเสียจริง ๆ ถึงหมู่บ้านครูทุกคนแทบลมจับทั้งร้อนทั้งเหนื่อยแถมทางเดินก็มีแต่เนิน เดินขึ้นกันอย่างเดียว ทุกคนได้รู้ซึ้งถึงแรงโน้มถ่วงของโลกก็วันนี้เอง
คืนนี้กิจกรรม สันทนาการ เด็ก ๆ และชาวบ้านมาร่วมกันเล่นเกมมากกว่าคืนแรกเพราะเริ่มคุ้นชินกันแล้ว หลังจากสนุกสนานกันพอประมาณ ก็แยกย้ายกันพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อในเช้าวันถัดไป
อรุณ รุ่งวันใหม่วันนี้คณะครูนัดเจอกันลานหมู่บ้านพร้อมกระเป๋าสัมภาระของตัว เอง เพื่อเดินทางไปโรงเรียนพร้อมเด็ก และครูนอนที่โรงเรียน ระยะทางจากหมู่บ้านถึงโรงเรียนแค่ 8 กิโลสำหรับเด็กสบาย แต่ครูนี่สิจะตายเอา วันนี้สิ่งแปลกใหม่ เด็กชายมงคลซึ่งไม่ไปโรงเรียนมานานแล้วเพราะเรียนหนังสือไม่ทันคนอื่น กลับแบกกระเป๋านักเรียนของตนเองเดินทางไปโรงเรียนพร้อมครู มันช่างดีเสียจริง ยิ่งเดินทางยิ่งไกลก็ยิ่งเหนื่อย ครูบ้านนอกทั้งหลายคิดหาทางออกได้นั้ยคือโบกรถไปโรงเรียนนั้นเอง รถที่โบกได้เป็นรถขนใบชา เพื่อไปส่งที่ อ.ฝาง การเดินทางครั้งนี้ครูได้เรียนรู้ชีวิตจริงที่เด็กในเมืองใหญ่สู้ไม่ได้เลย นั้นคือ “การเดินทางของเด็ก ๆ ที่ต้องใช้ความอดทนในการเดินทางเพื่อแลกกับศึกษาหาความรู้” ถึงโรงเรียนครูแยกขนสัมภาระเข้าที่พักและเข้าแถวเคารพธงชาติพร้อมเด็ก แนะนำตัวหน้าเสาธงกับเด็ก ๆ ก่อนแยกย้ายเข้าห้องเรียนแต่ละห้องตามที่ครูเลือกไว้เพื่อทำการสอนใน ห้องเรียน ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย ครูหน้าใหม่ ที่เข้ามาสอนสร้างความประหลาดใจให้เด็ก ๆ แต่ความสามารถของครูบ้านนอกก็ทำได้สำเร็จเด็กตั้งใจเรียนแม้บางครั้งจะซน เป็นลิงไปบ้างสำหรับเด็กเล็ก ๆ แต่เมื่อวิญญาณครูเข้าสิงห์ ครูบ้านนอกก็กำใจเด็กได้ซะอยู่หมัดทีเดียว
ตกเย็นเป็นการทานอาหารร่วมกันระหว่างครูบ้านนอกและครูดอยตัวจริง เป็นพูดคุยแลกเปลี่ยนสอบถามความรู้สึก ความเป็นอยู่ แนวคิดต่าง ๆ มากมายแล้วแต่ครูแต่ละคนจะสนใจ ก่อนแยกย้ายกันเข้านอนเพื่อออมแรงไว้รับศึกในวันถัดไป
วันนี้ช่วงเช้าเป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยแบ่งครูและเด็กเป็นสี่ฐานการเรียนรู้ ครู 4 คนต่อเด็ก 60 คน ต่อหนึ่งฐานมันช่างเป็นงานหนักด้านความคิดสำหรับครูบ้านนอกเสียจริง ๆ แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี ช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมการแสดงละคร และเล่นกีฬา ร่วมกันระหว่างครูประจำ – ครูบ้านนอก และเด็กนักเรียน มันช่างสนุกเสียจริง ละครแต่ละเรื่องที่แสดงก็ตลกกว่าในทีวี กีฬาที่แข่งขันกันก็ช่างมันส์เสียจริง สิ่งที่ครูและเด็ก ๆ ได้รับคือเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเป็นของรางวัลนั้นเอง กลางคืนเป็นการแสดงของเด็ก ๆ ในเพลงต่าง ๆ ที่ทางคณะครูโรงเรียนบ้านห้วยชมภู และโรงเรียนบ้านปางกิ่วจัดมาเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งครูบ้านนอกที่จะกลับในวัน พรุ่งนี้ เด็กแสดงได้น่ารักและพร้อมเพรียงกันแม้โรงเรียนที่พวกเขาเรียนจะไกลปืน เที่ยงแต่ความรู้ความสามารถของพวกเขากลับทัดเทียมกับเด็กในเมืองหลวง เสร็จกิจกรรมครูล้อมวงพูดคุย วันนี้มีการเผาข้าวหลามกินตอนดึก ช่างวิเศษเสียจริง
มี พบก็ต้องมีจากมีพลัดพรากต้องมีพบเจอ เช้าวันลาก็มาถึงครูบ้านนอกตื่นกันแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่ดอยกาดผี ทุกคนตื่นมาแบบไม่อิดออด พกพากล้องคู่กายเพื่อเก็บภาพประทับใจ ลงจากดอยกาดผีก็แวะเยี่ยมเยียนโรงเรียนบ้านปางกิ่ว ตามคำเชิญของท่าน ผอ. โรงเรียน ก่อนเกินทางกลับที่พักเพื่อเก็บสัมภาระลงกระเป๋าอีกครั้ง ครูเข้าแถวเคราพธงชาติพร้อมเด็กในวันสุดท้ายที่จะเดินทางกลับและทำพิธีร่ำลา กันระหว่างครูบ้านนอก เด็ก ๆ และครูประจำโรงเรียน
สิ่งที่ได้ในวันนี้คือ “ น้ำตา ” แห่งการจากลาที่หลั่งไหลออกมาจากดวงตาแต่ละคนไม่ว่าเด็กหรือครู มันเป็นน้ำที่ไหลออกมาโดยปราศจากการเสแสร้งใด ๆ แต่มันไหลออกมาจากหัวใจแห่งความรักความผูกพันของคนที่ต้องจากกัน
แต่ละ คนที่มาตามฝันตัวเองก็ต้องกลับไปรับบทบาทหน้าที่เดิมที่จากมา เด็กก็ทำหน้าที่เรียนหนังสือเพื่อเป็นอนาคตของชาติต่อไป เสียงรถที่ครูขึ้นนั่งไกลโรงเรียนไปทุกทีแต่ความรักความดีงามที่ครูบ้านนอก มอบให้เด็กมันไม่เคยหายไปจากกาลเวลาเลย แต่กลับเป็นกำลังใจและความประทับใจให้แก่กันและกันตลอดไป…..