ทุกครั้งที่ออกเดินทางไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือไปกับใคร สำหรับตัวฉันแล้วคิดว่าระหว่างทางย่อมมีเรื่องราวให้ได้เรียนรู้และมักจะมีความสุขเล็กๆให้เราได้จดจำอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เพื่อนๆนักศึกษาฝึกงานผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ :)
แสงแดดอ่อนๆยามเช้ากับลมหนาวและสายหมอกที่ปกคลุมทั่วพื้นที่ของมูลนิธิกระจกเงา เหล่าซานต้าและแซนตี้เตรียมตัวออกเดินทางไปมอบความสุข เสียงหัวเราะให้กับเด็กน้อยในพื้นที่ห่างไกล เป็นการเดินทางอีกครั้งของเหล่านักศึกษาฝึกงานและพี่เจ้าหน้าที่
ของขวัญและรอยยิ้มที่พร้อมจะไปมอบให้แก่เด็กๆเต็มรถกระบะ..
การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ความรู้สึกเหล่านี้อาจจะไม่ใช่สำหรับคนที่เมารถเช่นฉันและนุช เราแบ่งกันเป็นสองทีมกับของขวัญและรอยยิ้มที่พร้อมจะไปมอบให้เต็มรถกระบะ เราเดินทางกันมาเรื่อยๆประมาณ 3 ชั่วโมง และแล้วก็มาถึงที่แรกนั่นก็คือ โรงเรียนห้วยศาลา เริ่มจากการให้เด็กยืนเป็นวงกลมแล้วชวนกันสันทนาการ เล่นเกมส์ และให้เด็กๆเลือกของขวัญที่ตัวเองอยากได้ หลังจากเสร็จกิจกรรมมีโอกาสได้นั่งคุยกับคุณครูเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเด็กที่นี่ เรื่องราวของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ชื่อสิงห์ เนื่องจากพ่อและแม่ของเขาแยกทางกัน ตอนนี้อาศัยอยู่กับย่าแล้วโดนย่าขังไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน ไม่ให้พบเจอหรือพูดคุยกับใคร คุณครูไปเจอตอนเกิดเรื่องที่ไปเอาสิงห์มาเลี้ยง เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กกลายเป็นคนไม่กล้าแสดงออกและค่อยข้างจะหวาดระแวง คุณครูเล่าว่าเขาเป็นเด็กที่ถ้าโดนกระทบความรู้สึกไม่ว่าจะเล็กๆน้อยๆก็จะน้อยใจและไม่มีให้ง้อได้นอกจากคุณครู เมื่อได้ฟังเรื่องราวของสิงห์เด็กน้อยคนนี้ฉันรู้สึกสงสาร แต่คงทำได้เพียงแค่บอกให้คุณครูช่วยดูแลสิงห์เป็นพิเศษ..
พี่สายลมชวนเด็กๆยืนเป็นวงกลมเพื่อเตรียมตัวสันทนาการ..
สิงห์ เด็กน้อยน่าสงสารที่ฉันกล่าวถึง.. ชานนท์ เด็กชายผู้เรียกร้องจะเอาหุ่นยนต์และรถไถ
เราร่ำลาคุณครูและเด็กๆที่ โรงเรียนห้วยศาลาและเดินพร้อมออกเดินทางไปยัง โรงเรียนแม่แฮง ซึ่งเป็นรร. ที่อยู่บนดอย เรียกได้ว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเลเนื่องจากมีหลายโค้งและทางยังคงเป็นดินแดงอยู่ แต่ถือว่าคุ้มเพราะเมื่อฉันได้มองออกไปนอกหน้าต่างก็พบกับความสวยงามที่ธรรมชาติได้สรรสร้างขึ้นมาให้ผู้มาเยี่ยมเยือนอย่างฉันได้อมยิ้มกับสิ่งที่พบเจอระหว่าง
ระหว่างเดินทางพบความงามที่ธรรมชาติได้สรรสร้าง..
เมื่อมาถึงก็ได้รับการต้อนรับจากคุณครูอัครเดชและภรรยาอย่างดีเยี่ยม และเป็นที่สนใจจากเหล่าเด็กๆ ชาวบ้าน เรามาถึงก็บ่ายแก่ๆแล้วจึงไม่รีรอที่จะช่วยกันเตรียมของไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน ของเล่น ตุ๊กตา ฯลฯ ทันใดนั้นเสียงจากพี่สายลมก็ได้นัดชาวบ้านและเด็กๆมารวมตัวกันเพื่อรอไปทำกิจกรรมตรงลานของหมู่บ้าน โดยมีข้อเสนอกับเด็กๆว่าให้กลับบ้านไปอาบน้ำแต่งชุดลาหู่สวยๆมาแล้วมารับตุ๊กตาตัวใหญ่ไปเลย สิ้นเสียงนั้นสักพักชาวบ้านและเด็กๆก็กลับบ้านกันไปเตรียมความพร้อม
ถึงเวลาของการเริ่มทำกิจกรรมวันเด็ก 1+1 สัญจร ก่อนที่จะเริ่มแจกของขวัญก็ต้องมีการ สันทนาการกันก่อน เราชวนเด็กๆเล่นเป่ายิ้งฉุบ ดาราเปลี่ยนช่อง ฯลฯ บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะเริ่มแจกของขวัญให้กับเด็กทุกคนและรางวัลพิเศษสำหรับคนที่แต่งตัวชุดชนเผ่าลาหู่