รอยยิ้มระหว่างเธอ (เด็กๆ) ฉัน (ครูบ้านนอก) ยังคงเป็นดั่งแสงอรุณที่มาทักทายช่วงกลางวัน และแทนที่ด้วยความมืดที่ไม่ไร้จันทร์ ความมืดที่แสนอบอุ่น ความมืดที่รู้สึกปลอดภัย ความมืดที่ยังคงมีกำลังใจอยู่ข้างๆไม่หายไปไหน หากถามว่าทำไมความมืดถึงดูอบอุ่นไม่น่ากลัวเช่นนี้ คำตอบของมันอยู่ในมือเด็กดอยเหล่านั้นหมดแล้ว เชื่อว่าอีกมุมหนึ่งของคนในสังคมอาจจะมองหรือตีความความมืดไปในทางที่มืดมิด น่ากลัว หว่าเหว่ อ้างว้าง เดียวดาย หยุดเถอะ! หยุดความคิดเหล่านั้น! อย่าปล่อยให้จิตใจของคุณ ดับลงโดยการตีค่าแค่ด้านเดียว เพราะคุณสามารถเปลี่ยนนิยามความมืดไปกับเรา (ครูบ้านนอก)
มุมในสังคมไม่ได้มีแค่มุมเดียว มันมีเยอะมาก…มากจนบางทีไม่รู้ว่ามุมนั้นคืออะไร? มุมนั้นมีด้วยหรือ? และในวันนี้เม็ดฝนจากแดนใต้อย่างฉันก็ได้สัมผัสกับอีกมุมหนึ่ง ของเด็กหญิงดอย และเด็กชายดอย ที่อยู่เหนือสุดของไทย ที่มีความฝัน มีความรักในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
เด็กดอยจ๋า…เจ้ายังพูดภาษาไทยไม่แข็งใช่ไหม? เด็กดอยจ๋า…เจ้ายังอ่านเขียนไม่แข็งใช่ไหม? คำถามที่ถูกตั้งขึ้นมาในใจครูบ้านนอกอย่างฉัน ณ ตอนนี้ฉันได้รู้ซึ้ง และได้สัมผัสกับมันแล้ว เด็กดอยจ๋า…เม็ดฝนอย่างฉันเข้าใจเจ้าดี เจ้าไม่ต่างอะไรกับตัวฉัน เพียงแต่เจ้าเป็นเด็กดอย และตัวฉันเป็นเด็กใต้ ที่ต้องผ่านช่วงมรสุมของชีวิตที่พัดโหมกระหน่ำอย่างไม่ใยดี ฉันเกือบไม่ได้รู้จักคำว่า “ปริญญา” ฉันเกือบไม่ได้มาเจอมุมที่เจ้าอาศัยอยู่ เด็กดอยจ๋า…ฉันคงเป็นได้แค่เม็ดฝนจากแดนใต้มาให้ความชุ่มช่ำแก่บนดอยเพียงแค่ชั่วขณะไม่นานก็ต้องกลับลงใต้ และหลังจากนี้แม้ว่าฉันไม่สามารถเป็นเม็ดฝนให้เจ้า แต่ฉันจะคอยเป็นลมหนาวที่พอทำให้เจ้าอุ่นใจได้บ้าง
เด็กดอยจ๋า…เจ้าได้สัมผัสความหวังดีของครูไหม ?
เด็กดอยจ๋า…เจ้าได้สัมผัสรอยยิ้มของครูไหม ?
เด็กดอยจ๋า…เจ้าได้สัมผัสความตั้งใจของครูไหม?
เด็กดอยจ๋า…เจ้าได้สัมผัสความรักของครูไหม?
เป็นคำถามผ่านสายตาเมื่อยามที่ต้องจากกัน ครูอยากให้เจ้าทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ อยากให้เจ้าแสดงศักยภาพของตัวเองให้สังคมได้รับรู้ว่า…เจ้าไม่ใช่เป็นเพียงแค่เด็กดอย แต่เจ้าเป็นมากกว่าคำว่าเด็กดอย
เล่าเรื่องโดย : นางสาวฮัฟเซาะ ดารามะ (เซาะห์)